.
บล็อคเกอร์นี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนรายวิชา อินเตอร์เน็ตและการสื่อสารในชีวิตประจำวัน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และเผยแพร่บทความทางธรรมที่มีผู้เขียนขึ้น เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและให้กำลังใจสำหรับผู้ที่กำลังท้อถอยในชีวิต
วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554
18 วิธีรับมือกับความเครียด
เรื่องของความเครียดเป็นปัญหาของ คนยุคนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก เมื่อเราต้องทำงานมากขึ้น เวลามีน้อยลง ความเร่งรีบ การแข่งขัน ล้วนแต่ทำให้เราเครียดได้โดยไม่รู้ตัว พาให้ระบบในร่างกายรวนไปหมด เมื่อรู้อย่าง่นี้แล้วต้องหาทางรับมือกับความเครียดกันให้ได้ สมาคมสุขภาพจิตของประเทศแคนาดาก็ได้แนะนำวิธีแก้เครียดเอาไว้ 18 ข้อที่เราน่าจะรับฟังไว้แล้วลองปฏิบัติตามไม่เสียหลาย- สังเกตอาการที่คุณเป็นเสมอเวลาเครียด พึงรู้ตัวว่าเมื่อใดที่เกิดอาการเหล่านี้แปลว่าความเครียดมาเยือน ต้องรีบจัดการเสียโดยเร็ว
- พิจารณาวิถีการใช้ชีวิตของคุณที่ก่อให้เกิดความเครียด แล้วลองดูว่ามีสิ่งไหนที่จะปรับเปลี่ยนได้หรือไม่ ทั้งเรื่องการงาน ครอบครัว หรือภาระหน้าที่กิจวัตรประจำวัน
- ลองใช้เทคนิคการผ่อนคลายแบบต่างๆ เช่น เล่นโยคะ นั่งทำสมาธิ สูดหายใจลึกๆ หรือแม้แต่การไปนวดเพื่อผ่อนคลาย
- ออกกำลังกายเรียกเหงื่อ เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยคลายเครียดได้ชะงัด
- จัดเวลาให้เป็น โดยทำรายการสิ่งที่ต้องทำเป็นข้อๆ จัดอันดับความสำคัญ แล้วเลือกทำสิ่งที่จำเป็นที่สุดเป็นอย่างแรก เมื่อทำเสร็จเรื่องไหนแล้วให้ขีดฆ่าทิ้งไปทีละรายการ คุณจะรู้สึกดีขึ้นมาก
- พิจารณาสิ่งที่คุณกินเข้าไปบ้าง แอลกอฮอล์ คาเฟอีน น้ำตาล ไขมัน บุหรี่ อะไรเหล่านี้ที่ใครๆ บอกว่าเป็นยาคลายเครียดชั้นดี แท้จริงแล้วมันกลับไปกดร่างกายของคุณให้รับมือกับความเครียดได้แย่ลง คุณน่าจะหันมาหาผลไม้ ผัก ธัญพืช หรืออาหารที่มีโปรตีนสูงๆ แต่มีไขมันต่ำจะดีกับร่างกายของคุณมากกว่า
- พักผ่อนให้เพียงพอ และนอนหลับให้เต็มอิ่ม
- หากคุณรู้สึกเครียดมากๆ ควรหาทางระบายออกมาเสียบ้าง ด้วยการเล่าให้คนที่คุณสนิทและไว้ใจได้ฟัง หรือหากไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครก็ยังมีศูนย์ฮ็อตไลน์ที่รับบริการปรึกษาปัญหา ชีวิต ซึ่งพร้อมรับฟังปัญหาของคุณ ถึงแม้เขาเหล่านั้นอาจจะไม่มีคำตอบดีๆ ให้คุณแต่การได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น และในที่สุดจะมองเห็นทางออกของปัญหาได้ด้วยตัวของคุณเอง
- ลองหากิจกรรมการกุศลทำดูบ้าง เช่น ไปเป็นอาสาสมัครต่างๆ การได้ช่วยคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มใจ และยังช่วยลดความเครียดไปด้วยในตัว
- ละทิ้งเรื่องที่กำลังคิดเครียดอยู่ชั่วคราว เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นที่ทำให้คุณสบายใจขึ้น เช่น อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม หรือออกไปเที่ยว คุณจะรู้สึกเหมือนได้ชาร์จแบตเตอรีอีกครั้ง
- ถ้าคุณกำลังโกรธใครอยู่ ลองหาทางระบายออกอย่างสร้างสรรค์ด้วยการหาอะไรทำสักอย่างที่หันเหความสนใจ ของคุณ เช่น ขุดดินปลูกต้นไม้ ทำความสะอาดบ้าน คิดถึงแผนงานใหม่ที่ต้องจัดการ แล้วทุ่มพลังทำมันเข้าไป ในที่สุดคุณจะพบว่าคุณลืมเรื่องที่กำลังโกรธได้เอง
- หากมีเรื่องกับใครก็อย่ามุ่งเอาชนะอีกฝ่ายท่าเดียว เพราะมันอาจนำมาซึ่งการใช้กำลังเข้าตัดสินกันได้ในที่สุดซึ่งจะแย่กับทุก ฝ่ายโดยเฉพาะคุณ การยอมแพ้ไม่ใช่เรื่องเสียศักดิ์ศรีแต่เป็นการคิดที่ฉลาดเพื่อยุติข้อขัด แย้งก่อนที่มันจะลุกลามใหญ่โตต่างหาก
- เมื่อมีปัญหา ให้คิดทีละเรื่อง อย่าคิดหลายๆ เรื่องพร้อมกันในคราวเดียว
- ไม่ต้องเป็นคนสมบูรณ์แบบมากนักก็ได้
- เมื่อต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนอื่น จงทำใจให้สบายแล้วยิ้มสู้เข้าไว้
- อย่าเอาตัวเองไปแข่งขันกับใคร
- มองคนที่เราต้องติดต่อด้วยอย่างเป็นมิตรไว้ก่อน
- สร้างอารมณ์ขันให้กับตัวเองและคนอื่น มองโลกในแง่ดีกว่าเดิม ทำชีวิตให้ง่ายขึ้น
ถ้าคุณทำได้ทั้ง 18 วิธีนี้ เราเชื่อแน่ว่าคุณจะห่างไกลกับความเครียดได้ไม่ยากเลยนะคะ
...........
บทความจาก
http://women.impaqmsn.com
เทคนิคพิชิตเครียด
ในช่วงชีวิตของการเป็นวัยรุ่น จะต้องมีระยะหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญรออยู่ 1 โค้งนั่นคือ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยในระบบกลาง หรือที่ปัจจุบันเรียกกันว่า แอดมิชชั่น (Admissions) ซึ่งมีผลให้เด็กวัยรุ่นต้องเผชิญกับภาวะวิตกกังวลเกี่ยวกับการสอบ จนกลายเป็นความตึงเครียดทั้งทางจิตใจและร่างกาย แต่ที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่านั้นคือ ในการประกาศผลสอบทุกปีจะมีเด็กที่ผิดหวังเป็นจำนวนมาก บางคนเครียดจัดถึงขนาดฆ่าตัวตาย ซึ่งหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยายามร่วมมือกันหาวิธีรับมือ และแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป นายแพทย์ สรวุฒ คุ้มครองธรรม จาก ศูนย์รีไวทัลไลท์ฯ ซอยร่วมฤดี ซึ่งเป็นศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ เพื่อเสริมสร้างความมีชีวิตชีวาและการชะลอวัย แบบองค์รวมในระดับเซลล์ มีความห่วงใยในปัญหาดังกล่าวเช่นกัน จึงฝากข้อคิดที่น่าสนใจไว้ให้วัยรุ่นที่กำลังเครียดกับการประกาศผลสอบเข้า มหาวิทยาลัยซึ่งจะมีขึ้นเร็วๆ นี้ รวมถึงผู้ที่อาจพลาดหวังจากการสอบเพื่อไม่ให้คิดทำร้ายตัวเอง
“การสอบเข้ามหาวิทยาลัย แม้จะเป็นเส้นทางสำคัญหนึ่งของชีวิตวัยรุ่น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเส้นทางที่จะต้องมีทั้งคนสมหวังและผิดหวัง สำหรับคนที่พลาดตรงนี้ อย่าเพิ่งเสียใจ หมดหวัง เพราะการสอบเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตแต่ไม่ใช่ทั้งหมด โอกาสหน้าเรายังสามารถแก้ตัวใหม่ได้อีก ขอให้เตรียมตัวให้พร้อมและพยายามทำให้ดีที่สุด ส่วนใครที่ไม่อยากเสียเวลา ก็ยังมีสถาบัน การศึกษาอื่นให้เลือกเรียนอีกมาก อย่าคิดสั้นหรือทำร้ายตัวเอง เพราะอนาคตของเราไม่ได้วัดกันที่เรื่องนี้แค่อย่างเดียว” คุณหมอสรวุฒ ให้ข้อคิด
อย่างไรก็ตาม ความเครียด ก็สิ่งใกล้ตัวที่สามารถเกิดขึ้นกับเราได้ตลอดเวลา เพราะเกิดจากภาวะของจิตใจตนเองที่ตื่นตัวพร้อมจะเผชิญกับความกดดันอย่างใด อย่างหนึ่ง ซึ่งคาดคิดว่าเกินความสามารถของเราที่จะแก้ไขให้หมดสิ้นหรือบรรเทาลงได้ สำหรับวัยรุ่นที่มีความเครียดมาก อาจแสดงออกมาในรูปของการเก็บตัว ไม่พูดคุยกับใคร ไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่ง หรือหลบหน้า มีอาการซึมเศร้า กินอาหารไม่ลง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แน่นหน้าอก ท้องอืด ปวดหัว มีผื่นขึ้นตามตัว ซึ่งหากพบใครมีอาการแบบนี้จะต้องรีบให้ความช่วยเหลือ แก้ไขโดยเร็ว
“อย่างที่เห็นตามข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ว่า ปัจจุบันมีวัยรุ่นฆ่าตัวตายมากขึ้น จากหลายๆสาเหตุ เช่น ผิดหวังจากความรัก น้อยใจพ่อแม่ เรื่องการเรียน โดยเฉพาะเด็กบางคนที่พ่อแม่คาดหวังไว้มาก ก็ยิ่งจะทำให้ลูกรู้สึกกดดันอย่างรุนแรง เมื่อเด็กหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้มักจะแก้ปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย การเลี้ยงดูจึงเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าพ่อแม่เลี้ยงลูกให้เรียนรู้ในการเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ และแก้ไขปัญหาอย่างมีเหตุผล รู้จักยอมรับความเป็นจริง ก็จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้กับเขาในการใช้ชีวิตอยู่ในสังคม ได้อย่างดี สำหรับครอบครัวไหนที่มีลูกหลานผิดหวังจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ควรให้กำลังใจ เข้าอกเข้าใจเด็ก อย่าซ้ำเติม หลีก เลี่ยงการเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น เพื่อให้เด็กไม่เครียด ยิ่งเด็กที่เคยทำร้ายตัวเองมาก่อน คุณพ่อคุณแม่ควรต้องดูแลเป็นพิเศษเพราะเขาอาจทำซ้ำอีกเนื่องจากความผิดหวัง ก็ได้ จึงพยายามอย่าปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว“ เป็นข้อควรปฏิบัติ ที่คุณหมอฝากไว้
นอกจากนี้ คุณหมอสรวุฒ ยังมีวิธีแก้เครียดมาฝากกันอีก ซึ่งทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ ไม่จำกัดแค่กลุ่มวัยรุ่นที่เกิดความเครียดเท่านั้น โดยคุณหมอแนะว่า ถ้าเกิดความเครียดมากๆ ก็ควรหาทางระบายออกด้วยกิจกรรมต่างๆ ที่ชื่นชอบ เช่น ออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ ฯลฯ และพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 7-8 ชั่วโมง
“เวลานอนที่ดีที่สุดของคนเราคือ ช่วง 4-5 ทุ่ม เพราะจะมีฮอร์โมนที่หลั่งออกมาช่วยซ่อมแซมร่างกายระหว่างเราหลับ วัยรุ่นที่นอนดึกจึงมักจะโตช้า ห้องนอนก็ควรจะมืดสนิท เพราะมีฮอร์โมนตัวนึงชื่อ เมลาโตนิน จะหลั่งออกมาตอนไฟมืดสนิท เป็นเหมือนนาฬิกาชีวิตเรา ทำให้แก่ช้าลง และเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายเรา หากมีอาการนอนไม่หลับ เพราะเครียดหรือคิดเรื่องอะไรมากเกินไป การดูทีวีก่อนนอน ก็ทำให้สมองไม่ได้พัก จึงไม่ควรทำอะไรก่อนนอนแล้ว ไม่ว่าจะอ่านหนังสือ ดูทีวี หรือกิน ควรนั่งวิปัสนา ทำจิตใจให้ว่าง จะได้นอนหลับสบาย” คุณหมอสรวุฒ กล่าว
จากกิจกรรมคลายเครียด ลองมาดูถึงเรื่องอาหารการกิน ที่ช่วยลดความเครียดกันบ้าง ซึ่งมีอยู่มากมายหลายชนิด เช่น ถั่วเหลือง นมวัว เนื้อสัตว์ ไข่ จะมีสารอาหารช่วยลดระดับความเครียดชื่อ ทริปโตฟาน, ในธัญพืชต่าง ๆ ยีสต์ รำข้าว เครื่องใน เนื้อ ถั่ว ผัก มีสารอาหารจำพวกวิตามินบี ๖ , ตับ เครื่องใน เนื้อ เป็ด ไก่ ปลา ถั่ว ยีสต์ จะมีสารอาหารจำพวกวิตามินบี ๓ ฯลฯ ส่วนของหวานสุดโปรดของหลายๆ คนอย่าง ช็อคโกแลต ก็ช่วยแก้เครียดได้ชะงัดเช่นกัน
แต่สำหรับผู้ที่มีอาการเครียดเรื้อรัง หาวิธีแก้ไขอย่างไรก็ยังไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นจะต้องอาศัยเทคโนโลยีทางการแพทย์ช่วยเหลือ ซึ่งศูนย์รีไวทัลไลท์ฯ ซอยร่วมฤดี มีโปรแกรมการแก้ปัญหาอาการเครียดอย่างได้ผล ที่เรียกว่า โปรแกรม Wellness & Stress Management เป็นโปรแกรมที่รวบรวม ศาสตร์แห่งการคลายเครียดในระดับลึก ทั้งศาสตร์ตะวันออกและศาสตร์ตะวันตก เพื่อการผ่อนคลายอย่างแท้จริง ซึ่งประกอบไปด้วย เทคนิค การดลจิต เพื่อการผ่อนคลายในระดับลึก การนวดกดจุด เพื่อการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดความเมื่อยล้าทางร่างกาย และปิดท้ายด้วยการเพิ่มพลังและความสดชื่น ให้กับอวัยวะต่างๆภายในร่างกาย โดยใช้อุปกรณ์ C.I.T.E. (Controlled Ionically Transferred Energy) ซึ่ง เทคโนโลยีของ CITE คือ Ionizer ที่ปล่อยประจุ เข้าสู่ร่างกายและไปตามเส้น Meridian เพิ่ม Qi แก่ร่างกายทุกส่วน ดังนั้นพลัง Qi ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยซ่อมแซมส่วนของร่างกายที่สึกหรอ โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติ และเพิ่มความมีชีวิตชีวา Vitality แก่อวัยวะในร่างกาย
ชีวิตวัยรุ่นเป็นช่วงที่มีสีสันและเสน่ห์มาก หากรู้จักใช้ความคิดและมีสติ ก็สามารถเลือกเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องได้ปลอดภัยตลอดรอดฝั่ง แต่หากปล่อยให้อารมณ์ผิดหวังเพียงวูบเดียวมาทำลายโอกาสดีๆ ที่รออยู่ในอนาคต ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง หากมีปัญหาเรื่องเครียดจนทำให้ความสุขในชีวิตเริ่มขาดหายไป เชิญมาสัมผัสกับนวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยให้สุขภาพกายและใจของคุณดีขึ้นอย่าง สมดุล ณ ศูนย์รีไวทัลไลท์ ซอยร่วมฤดี สอบถามรายละเอียดได้ที่ Calll Center 02-651-4751-3 หรือ www.revitalite.co.th
“Revitalite มหัศจรรย์แห่งสุขภาพและความงามที่ทำให้ชีวิตทุกด้านของคุณดีขึ้น”
ที่มาข้อมูล :บริษัท พับบลิค ฮิต จำกัด
ขอบคุณ : http://www.dhammajak.net/dhammabox-2/23.html
ข้อคิดชีวิตมีสุข
1. เราไม่ได้มีชีวิตเพื่อการเฝ้านั่งเสียใจร่ำไห้ หรือ พูดถึงแต่สิ่งที่เราทำผิดพลาดในอดีต รู้จักให้อภัยตัวเองในสิ่งที่เราทำผิดพลาด แล้วไม่นึกถึงมันอีก
2. เรียนรู้ที่จะให้อภัยผู้อื่น ในสิ่งที่เขาทำผิดพลาดในอดีต แล้วไม่พูดถึงมันอีก
3. การปล่อยวางไม่ใช่เป็นการยอมแพ้ ตรงกันข้าม เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งจากส่วนลึกของหัวใจของเราวันละน้อย เพื่อเอาชนะความอ่อนแอ
4. ชีวิตไม่ได้เติบโตจากการทำให้ทุกสิ่งได้ดั่งใจของเรา แต่เป็นการยอมรับทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตของเราอย่างกล้าหาญ รักและเข้าใจทุกสิ่งที่เราได้ตัดสินใจทำลงไปทุกครั้ง
5. เรียนรู้ความจริงว่าเราไม่สามารถบังคับผู้อื่นให้คิดและทำในสิ่งที่เราต้อง การได้ เพราะแม้แต่ตัวเราเอง ยังทำให้เป็นอย่างที่เราต้องการไม่ได้เลย
6. อย่าเสียเวลาคิดแค้นเคืองโกรธในการกระทำของผู้อื่นที่ส่งผลให้เราทุกข์ใจ ให้อภัยเขาเสีย และหากอยากรู้สึกดีขึ้น ก็นึกถึงคำสอนในพุทธศาสนาว่า ใครทำกรรมใดไว้ ผู้นั้นย่อมได้รับผลนั้นได้ด้วยตนเอง
7. วัตถุหรือภาพลวงตาภายนอกไม่เคยสามารถเติมเต็มหัวใจใครได้ การตั้งหน้าตั้งตาหาวัตถุ หรือความพึงพอใจจากการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เพื่อหวังว่าจะทำให้เรารู้สึกเต็มและมีความสุข นั่นเป็นแค่ฝันลมๆแล้งๆ การรับวัตถุทำให้เรามีความต้องการไม่รู้จบ ขณะที่การได้รับความรักความเข้าใจจากคนที่รักอย่างเต็มเปี่ยมจะทำให้เรามี หัวใจที่ "เต็ม" จนไม่ต้องไขว่คว้าหาวัตถุมาเติมเต็มหัวใจอีก
.....
2. เรียนรู้ที่จะให้อภัยผู้อื่น ในสิ่งที่เขาทำผิดพลาดในอดีต แล้วไม่พูดถึงมันอีก
3. การปล่อยวางไม่ใช่เป็นการยอมแพ้ ตรงกันข้าม เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งจากส่วนลึกของหัวใจของเราวันละน้อย เพื่อเอาชนะความอ่อนแอ
4. ชีวิตไม่ได้เติบโตจากการทำให้ทุกสิ่งได้ดั่งใจของเรา แต่เป็นการยอมรับทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตของเราอย่างกล้าหาญ รักและเข้าใจทุกสิ่งที่เราได้ตัดสินใจทำลงไปทุกครั้ง
5. เรียนรู้ความจริงว่าเราไม่สามารถบังคับผู้อื่นให้คิดและทำในสิ่งที่เราต้อง การได้ เพราะแม้แต่ตัวเราเอง ยังทำให้เป็นอย่างที่เราต้องการไม่ได้เลย
6. อย่าเสียเวลาคิดแค้นเคืองโกรธในการกระทำของผู้อื่นที่ส่งผลให้เราทุกข์ใจ ให้อภัยเขาเสีย และหากอยากรู้สึกดีขึ้น ก็นึกถึงคำสอนในพุทธศาสนาว่า ใครทำกรรมใดไว้ ผู้นั้นย่อมได้รับผลนั้นได้ด้วยตนเอง
7. วัตถุหรือภาพลวงตาภายนอกไม่เคยสามารถเติมเต็มหัวใจใครได้ การตั้งหน้าตั้งตาหาวัตถุ หรือความพึงพอใจจากการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เพื่อหวังว่าจะทำให้เรารู้สึกเต็มและมีความสุข นั่นเป็นแค่ฝันลมๆแล้งๆ การรับวัตถุทำให้เรามีความต้องการไม่รู้จบ ขณะที่การได้รับความรักความเข้าใจจากคนที่รักอย่างเต็มเปี่ยมจะทำให้เรามี หัวใจที่ "เต็ม" จนไม่ต้องไขว่คว้าหาวัตถุมาเติมเต็มหัวใจอีก
.....
บางตอนจากหนังสือ "เข็มทิศหัวใจ"
ศิริรัตน์ ณ พัทลุง ต.สุวรรณ
“50 ข้อคิด”
มุมมองเพื่อความเข้าใจในชีวิต
มุมมองเพื่อความเข้าใจในชีวิต
1. เมื่อเด็กกำลังเติบโตเป็นวัยรุ่น มีความต้องการเป็นตัวของตัวเองสูง ผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจและใจแคบมักจะมองว่าเด็กดื้อ
2. คนเราจิตตกได้เป็นครั้งคราว อาจทำอะไรที่ไม่เหมาะสมได้ การรู้ตัวเองและให้อภัยตัวเอง จึงเป็นสิ่งสำคัญ
3. คนอกหักไม่อาจตัดความโศกเศร้าได้ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว เวลาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเยียวยาความรู้สึกดังกล่าว
4. ให้เคารพแนวคิดของผู้อื่นบ้าง เสมือนหนึ่งเป็นอีกแนวคิดหนึ่งที่ต่างไปจากเราเท่านั้นเอง
5. ตนเองเสียเมื่อไหร่ที่คิดดี คิดชอบเป็นอยู่คนเดียว
6. ทำไปเพราะไม่รู้ ให้อภัยกันได้ รู้แล้วยังทำ คือ ความดื้อ
7. ก่อนที่จะว่ากล่าวถึงนิสัยไม่ดีของลูกนั้น ให้มองตัวพ่อแม่เองก่อนด้วยว่า เรามีส่วนผลักดันให้เขาเป็นเช่นนั้นด้วยหรือเปล่า
8. ความทุกข์ของมนุษย์ 100% เกิดจากการพยายามฝืนความจริงของธรรมชาติ
9. หากต้องอยู่กับคนที่ไม่เกรงใจกันเลย พูดกับเขาให้น้อยลง เล่นกับเขาให้น้อยลง
10. หากอยากได้อะไร ก็ควรเสียอะไรบ้าง
11. ถ้าเราปล่อยให้โลก เร่งตัวเรา ควบคุมตัวเรา จนเราขาดอิสระภาพ เราก็จะทุกข์ ถ้าเราจะเร่งโลก ควบคุมโลกให้โลกนี้เป็นไปตามความต้องการของเรา เราก็ทุกข์เช่นกัน
12. ความฉลาดอาจหลอกคนได้ ความจริงใจต่างหากที่จะชนะใจคน
13. การให้ความสำคัญกับกฎเกณฑ์มากไป ทำให้เราลืมธรรมชาติ ลืมความเป็นจริงได้ง่าย
14. อารมณ์เป็นตัวกำหนดความคิด ความคิดกำหนดพฤติกรรม หากจะเข้าใจพฤติกรรมของคนให้ถูกต้อง จึงต้องอ่านอารมณ์ให้ออก
15. การมองอะไร ว่าดี ว่าเลว ขึ้นกับว่าอารมณ์ของเราขณะนั้นเป็นอย่างไร
16. ทำอะไรก็แล้วแต่ ควรมีหลักการบ้าง แต่ต้องระวังอย่ายึดเป็นกฎเกินไป
17. อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดเป็นคำพื้นๆ ที่ใช้มาเตือนสติเราได้ดีตลอดกาล
18. การพยายามทำอะไรทุกอย่างให้ได้ การสงสัยอะไรทุกเรื่องเป็นความโง่ได้ก็เพราะว่าเรื่องต่างๆ ในโลกนี้มีตั้งหลายเรื่องที่ใช่ว่าเราจะรู้มันได้ง่ายและเรื่องอีกหลาย เรื่องก็ไม่จำเป็นที่ต้องตอบให้ได้ด้วย
19. คุณธรรมส่อคุณค่าของมนุษย์มากกว่าความฉลาด
20. อะไรก็ตามแต่แม้ว่ามันจะจริง จะถูกต้อง แต่ถ้าการพูดออกไปนั้น มันไม่มีประโยชน์มีแต่ผลเสีย อย่าพูดดีกว่า
21. การขาดความเกรงใจต่อกัน ทำให้เราทะเลาะกันได้ง่าย การมีความเกรงใจต่อกันที่มากเกินไป ก็ทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง
22. ใครที่เขากล้าพูดความจริงกับเราออกมา นั่นก็เพราะเขามีความเชื่อมั่นว่าเราจะยอมรับเขาได้
23. การฝึกวินัยให้กับลูกนั้นแท้ที่จริงแล้วเป็นการฝึกวินัยให้กับพ่อแม่ด้วย
24. หากลูกเป็นคนเฉื่อยชา เราคงต้องช่วยกระตุ้นให้กำลังใจ หากลูกเป็นคนเอาจริงเอาจังเกินไป เราคงต้องช่วยสอนให้ลูกได้ปล่อยวางบ้าง กฎเกณฑ์การเลี้ยงลูกของคนๆ หนึ่ง จึงไม่เหมือนของอีกคนๆหนึ่ง
25. เมื่อคิดจะเสนอความคิดเห็นต่างๆ ที่มองว่าดี ต้องมองถึงความเป็นจริง ความเป็นไปได้ด้วยเสมอ
26. แต่ละคนมีศักยภาพของตัวเองอยู่แล้ว เราจึงควรต้องให้เกียรติต่อกันบ้าง
27. เมื่อเป็นคนก้าวร้าวคนอื่นไม่เป็น ก็มักจะถูกคนอื่นรุกรานได้ง่ายเช่นกัน
28. ถ้าเราเชื่อเรื่องกรรม การตายก็ไม่ใช่วิธีการหนีปัญหาได้ตลอดไป เนื่องจากกรรมนั้นๆ ยังไม่ได้ชดใช้ จนหมดวาระในตัวของมันเอง เกิดชาติหน้า กรรมเก่าก็จะติดตัวต่อไปอยู่ดี
29. การมองปัญหาในแง่มุมต่างกัน ในจุดต่างกันจะทำให้เข้าใจปัญหาได้ต่างกัน
30. เราจะให้อภัยตัวเอง กับผู้อื่นได้นั้น เราต้องเข้าใจในตัวเองและผู้อื่นได้ก่อน
31. การแก้ปัญหาทางบุคลิกภาพต้องอาศัยทั้งความจริงใจและการอดทนเป็นอย่างยิ่ง
32. ความเชื่อมั่นในตนเองเป็นเรื่องที่ดี แต่..ปัจจัยแห่งความสำเร็จนั้นก็หาได้ขึ้นอยู่กับเราคนเดียวไม่
33. เวลาที่พ่อแม่จะสะกิดฝีหนองให้ลูกนั้น พ่อแม่เองก็เจ็บปวดไม่น้อย
34. บางครั้งเราต้องการให้คนอื่นมาเข้าใจเรา มากกว่าที่เราอยากจะเข้าใจตัวเอง นั่นก็เพราะว่า เรายังเป็นมนุษย์ที่ยังมีความอ่อนแออยู่บ้าง
35. เรื่องที่คนเราประทับใจ มักจะลืมเลือนได้ยาก ก็เนื่องจากความประทับใจ ไม่ใช่ความจำนั่นเอง
36. จะมีเราอยู่.....เขาก็เป็นอย่างนั้น
ไม่มีเราอยู่.....เขาก็เป็นอย่างนั้น
37. หากเขาคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง จริงๆ แล้ว เราเป็นได้แค่เพียงตัวกระตุ้นเท่านั้น
38. ถ้าเราเรียนรู้ธรรมะด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว เราจะสัมผัส "การรู้" ได้ยากยิ่ง
39. ความสับสนในชีวิดมันเกิด ควรหาที่ยึดเหนี่ยวให้จิตใจได้พักเสียบ้าง
40. เรื่องของชีวิต มันมีจังหวะที่ต้องรอคอยอยู่บ้าง จะเรียกร้องให้มันได้ดั่งใจเสมอไปได้อย่างไร ความจริงใจ หากถูกแปลเป็นแง่ลบแล้ว ใครยังอยากจะกล้าจริงใจให้อีก
41. เพราะความอยาก..มันถึงได้วุ่นวายกันเพียงนี้
42. ไม่ใช่ว่า ห้ามโกรธ แต่ให้รู้ว่าโกรธ ไม่ใช่แสดงความโกรธแต่ให้พูดออกมาว่าโกรธ
43. จิตและอารมณ์เป็นของแท้ ความคิด คือ ตัวปรุง
44. หากเชื่อว่า "การบ่น" จะทำให้ลูกนิสัยดีขึ้นก็น่าจะลองดู ในเมื่อความเป็นจริงนั้น "การบ่น" มักจะยิ่งทำให้ลูกแย่ลงมากกว่าเดิมเสียอีก
45. ใครเขาจะเป็นอย่างไรก็ช่าง มันอยู่ที่..เรารู้สึกอย่างไรด้วยต่างหาก
46. หากพ่อแม่คาดหวัง อยากจะให้ลูกเป็นคนดีนั้น พ่อแม่ต้องช่วยให้ลูกเป็นคนดีด้วย (อย่าเพียงแต่หวัง)
47. พ่อแม่ หากมีความรักลูกมากไปแล้ว ก็ยากที่จะสอนวินัยให้กับลูกได้ดี
48. การเข้าใจคนอื่นได้ เป็นเรื่องที่ดี การเข้าใจตนเองได้ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี เรื่องที่แย่ และก่อให้เกิดทุกข์ได้มากก็ คือรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจเราเลย
49. กังวล เกินกว่าเหตุ..เชื่อมั่น มากเกินไป..ล้วนเป็นสิ่งที่เราต้องรู้จักตนเองอยู่เสมอ
50. การเร่งแก้ปัญหา โดยรีบคิดให้ตกทันที จะยิ่งสร้างปัญหาทางอารมณ์ได้มากยิ่งขึ้น
ขอบคุณ : http://www.dhammajak.net/dhamma/50.html
สาเหตุของการไม่มีสมาธิ
๑. ขาดความสนใจในสิ่งที่ทำ
๒. สนใจในสิ่งที่ทำมากจนเกินไป
๓. สนใจหลายเรื่องในเวลาเดียวกัน
๔. ความเป็นคนหัวดี ปัญญาดี ทำให้คิดไปที่อื่นเร็ว
๕. จิตครอบงำด้วยนิวรณ์
การสร้างนิสัยให้มีสมาธิในชีวิตประจำวัน
๑. สร้างนิสัย “ลงมือทำทันที”
๒. สร้างนิสัย “เรียนล่วงหน้า” มิใช่แค่ “เรียนตาม”
๓. สร้างนิสัยมุ่งมั่นว่า “ถ้าทำไม่เสร็จจะไม่ใส่ใจอะไรอื่น”
๔. จัดลำดับของเรื่องที่จะทำก่อนลงมือ
๕. หัดคิดทีละเรื่อง โดยให้เจาะลึกในเรื่องนั้นๆ อย่าผิวเผิน
๖. สร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะแก่การมีสมาธิ
๗. รู้จักพักเป็นช่วงๆ
๘. สร้างความเต็มใจและจริงใจที่จะทำสิ่งนั้นๆ
๙. พยายามหัดคิดในเรื่องสร้างสรรค์
๑๐. เลิกนิสัยมากเรื่องในการจะทำอะไรสักอย่าง
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน ได้แนะนำวิธีการทำสมาธิในห้องเรียนว่า
๑. หาที่นั่งที่สามารถมองเห็นครูและกระดานได้ชัดเจน
๒. เมื่อครูเดินเข้ามา ส่งจิตไปรวมที่ครูผู้สอน
๓. จับใจความให้ได้ตามที่ครูต้องการ
๔. เวลาว่างแทนที่จะนั่งคิดสิ่งอื่น ก็นำบทเรียนมาคิด
๕. ให้สติรู้ตัวทุกอิริยาบถ ในการทำ พูด คิด
...............................................................
ขอบคุณบทความจากพลังจิตดอทคอม
ขอบคุณ : http://www.dhammajak.net/smati/38.html
ธรรมวิธี.........ลดเคราะห์ บรรเทา "กรรม"
ธรรมวิถีลดเคราะห์บรรเทากรรม เสริมดวง สิริมงคลด้วยพลังบุญศักดิ์สิทธิ์
๑ สิทธิการิยะ พระอาจาริยเจ้าได้ถ่ายทอดธรรมวิ๔เพื่อโปรดสัตว์ให้มีสุข พ้นทุกข์พอสรุปได้ความดังนี้
๑ เรื่องบุญเรื่องบาปกรรมกำหนดที่พุทธศาสนา กล่าวไว้เป็นเรื่องจริง เพราะถ้าไม่มีบุญไม่มีบาปแล้ว มนุษย์เราต้องเกิดมาเหมือนกันหมด แต่เพราะมีบุญมีบาป จึงเป็นเช่นนั้น มีดี, ชั่ว, สุข, ทุกข์, รวย, จน, มีโชค, มีเคราะห์ ฯลฯ
๑ดังอธิบายในเบื้องต้นว่าสุข ทุกข์ เกิดจากบุญ บาป กรรมดี กรรมชั่ว ดังนั้นการที่จะหลีกพ้นจากทุกข์โทษเวรภัยเคราะห์ร้ายทั้งหลาย ก็ด้วยพลังของความดีที่ตนเองได้สร้างเป็นหลักแล้ว ยังสามารถพึ่งพระรัตนตรัย ตลอดจน เทวฤทธิ์ รวมพลังบุญศักดิ์เป็นแสงสว่างแก่ชีวิทเป็นย่อเกิดความปห่งความดีงามของตนและ คนอื่น
๑แก้ววิเศษ มี่ค่ามหาศาลประมาณค่ามิได้ เป็น ที่พึ่งได้จริง คือ พระรัตนตรัย ได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จึงให้ตั้งนะโม นมัสการบูชาพระ ถึงไตรสรณคมณ์ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สัฃฆัง สะระณัง คัจฉามิ หางศรัทธามั่งคงย่อมเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นแก้วสูงสุดในสามโลก
๑ศีลรักษาให้มีกายวาจาเป็นปรกติ ศีลล่งผลให้เกิดในที่สุขติ เทวดารักษา ไม่ไปในทางเสื่อม บางท่านบอกว่าศีลรักษายาก แต่จริงๆแล้ว ทุกท่านสามารถรักษาได้ อย่างน้อยข้อไดข้อหนึ่งก็ยังดี บางท่านมีปัญญา ก่อนนอนรักษาศีล8 ตื่นนอนรักษาศีล5 อย่างน้อยก็มีกำไรเพราะตอนนอนย่อมรักษาศีลได้อย่างแน่นอน ช่วยชำระกิเลสให้เบาบางลง ปละเป็นบุญสำคัญที่จะรองรับความดีนังให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป
๑ทานส่งผลให้มีทรัพย์ ทานมี หลายระดับแตกต่างกัน ตั้งแต่สัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ พระอริยะเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระ พุทธเจ้า ย่อมมีอนิสงค์แตกต่างกันไปจนถึงสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน และ จนถึงที่สุดคือ อภัยทาน ถ้าบำเพ็ญอยู่เสมอย่อมยังผลให้เกิดความคล่องตัว ทุกคนสามารถทำได้ง่ายๆ คือ หาถาชนะอันสมควรตั้งในที่บูชา แล้วนำเงินไปใส่ไว้ในภาชนะนั้น สวดมนต์ใหว้พระ เจริญพระคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า สะสมไว้จนเต็มหรือมีโอกาศก็นำไปทำบุญ ทำทุกวันเห็นผลทั้งทางโลกและทางธรรม (พระคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระคาถาอื่นๆจะนำลงในเว็บภายหลัง)
๑การเจริญภาวณาก็เป็นบุญกุศลมหาศาล เพราะ สามารถปราบกิเลสได้หลายตัว ตั่งแต่เริ่มตั้งตาการสวดมนต์สามารถบำเพ็ญได้ครบทั้งกาย วาจา ใจ เช่น กายพนมมือ นอบน้อม ปากสวดมนต์สรรเสริญคุณพระ ใจระลึกถึงคุณพระ ผุ้ที่สวดด้วยความเคารพตั้งใจเลื่อมใส ยังให้มีบุญประมาณมิได้ ทั้งยังเกิดสวัสดิมงคล
๑ผู้ที่ฆ่าสัตว์ใหญ่ ฆ่ามนุษย์ โดย เฉพาะทำแท้ง เป็นบาปก่อให้เกิดทุกข์อุปสรรคทั้งหลายในชีวิตนานา ประการ ให้ทำบุญด้วยพระพุทธรูปหน้าตัก 5 นิ้วขึ้นไป ผ้าขาว หรือไตรจีวรไร้อมอาหารถวายเป็นสังฆทาน อนิษฐานขอบุญพระพุทธเจ้า บุญศักดิ์สิทธิ์ นำพาดวงจิตไปวิมานบุญ ขออโหสิกรรมนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอให้มีความสุขด้วยพุทธบารมีธรรม (หรืออาจจะสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก 5 นิ้ว อนิษฐานเป็นพระพุทธรูปบูชาอโหสิกรรมพิเศษของเราโดยเชิญดวงจิตของบุตรมาเป็น เทพรักษาประจำองค์พระ ทำการอัญเชิญด้วยการสวดพุทธคุณและพระคาถาต่างๆ ขอบุญพรพุทธเจ้าส่องนำทางขอให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน) หมั่นสวดมนต์แพร่เมตตามากๆเพื่อชำระให้จิตใจให้ใสสะอาด
๑ผู้ที่เบียดเบียนฆ่าสัตว์ ตัด ชีวิต มีผลให้เกิดโรคถัยไข้เจ็บอายุสั้น ควรทำบุญด้วยการช่วยชีวิตสัตว์อนิษฐานแพร่เมตตาอโหสิกรรม ทำบุญด้วยยารักษาโรค หรือ ทำบุญกับโรงพยาบาลสงฆ์ หรือ ด้านการแพทย์ บำรุงพระเณรปฏิบัติ ผู้อาพาธ เจ็บป่วย
๑ผู้ที่สมบัติฉิบหายด้วยเหตุต่างๆ จง ทำใจอย่าเสียดายกับทรัพย์นั้นๆ ทำใจให้เป็นบุญมาแทนที่ให้ อนิษฐานสมบัติทั้งหลายที่สูญไปทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต ขอพิจารณาบูชาแก่พระไตรลักษณะญาณ พระ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ขอสมบัติทั้งหลายทั้งทางโลก ทางธรรมหลั่งไหลเข้ามาเป็นหมื่นเท่าทวีคูณ และควรให้ทานตามโอกาส
๑บางท่านที่เป็นหนี้สงฆ์ หนี้สินทรัพย์ หนี้สิน หนี้เวรหนี้กรรม กับผู้หนึ่งผู้ได ทั้งชาติก่อน ชาตินี้ ให้อนิษฐานสร้างพระชำระหนี้ ถวายในพระศาสนา อาจจะเป็นพระพุทธรูปตั้งแต่ 5 นิ้วขึ้นไปจนถึง 4 ศอกหรือ มากกว่านั้น อนิษฐานชำระหนี้ และปิดทองคำแท้ที่องค์พระ ตั้งแต่ 3 แผ่นขึ้นไปหรือทั้งองค์ก็ยิ่งดี พร้อมปัจจัยศรัทธา เขียนหน้าซองถวายชำระหนี้สงฆ์ หนี้สินทรัพย์ หนี้สิน หนี้เวรหนี้กรรม ขอให้หมดหนี้มีสินด้วยพระพุทธรัตนไตร เป็นแก้ววิเศษประมาณมิได้
๑ทุกข์เพราะความรัก เพราะเคยทำ ชั่วเรื่องความรักไว้ ให้ตั้งใจรักษาศีลถือบวชแล้วเจริญปัญญาให้มากๆ ความรักไม่ได้ทำให้ผู้ไดทุกข์ แต่ ทุกข์เพราะการยึดติด ไม่ปล่อยวางปรารถณาที่จะครอบครองจึงเป็นทุกข์ ดังนั้นจึงควรรู้จักให้รู้จักรักโดยไม่หวังผลตอบแทน และที่สำคัญจงรักตนเองให้มากๆ ทำชีวิตให้มีคุณค่าเพื่อตนเองและคนที่เรา
๑ทุกข์เรื่องคู่ครอง ให้พิจรณา ว่าอาจจะมีหนี้เวรหนี้กรรม ต้องชดใช้ ให้จุดเทียน 1 คู่ ธูป 5 ดอก ดอกไม้5สี (ถ้าเป็นดอกกุหลาบได้ก็ดี) อนิษฐานบูชาพระ หากแม้นมีหนี้เวรหนี้กรรม ขอให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน น้อมจิตระลึกถึงบุญกุศลทีเคยสร้างร่วมกันชักนำดวงจิตให้คิดดีต่อกัน แล้วแผ่เมตตาให้มากมาก ย่อมเกิดผลดี ตลอดทั้งให้พิจารณา สิ่งที่สัมพันธ์เกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกัน อะไรควรไม่ควร แก้ไขตามเหตุผลไม่ใช้อารมณ์ ต้องแก้ด้วยสติปัญญา
๑ผู้ถูกหลวงลวง เพราะเคยทำกรรมชั่วทางวาจา ให้ตั้งใจรักษาสัจจะในสิ่งที่ดีงามเรื่องไดเรื่องหนึ่งเช่นตั้งสัจจะว่าจะ สวดมนต์ทุกวันก็ทำให้ได้ พูดแต่สิ่งที่ดีงาม
๑ผู้สติไม่ดี อาจจะเพราะกรรมชั่วในสิ่งที่มึนเมา จึงให้งดของมึนเมาทั้งหลายเพื่อสร้างสติ อนิษฐานว่าจะดื่มใจจะสูบให้น้อยลงและเลิกละ หากทำได้ก็ชนะตัวเอง
๑ผู้เลี้ยงลูกหลานไม่ได้ดีควรสั่งสมกตัญญูกตเวทิตาธรรม อธิษฐานขอพร พระแจกหนังสือธรรมะ เพื่อสั่งสอนคนให้เป็นคนดี ควรป้อนข้อมูลดีๆ ไม่ควรแช่งด่าลูกหลาน ถ้าใครแช่งด่าไว้มากมากควรสวดมนต์ ขอถอนคำแช่งด่า เปลี่ยนคำอธิษฐานในทางที่ผิดเป็นในทางที่ดี
๑บางท่านที่อยู่อาศัยเป็นทุกข์ ก็ ให้ตั้งขันน้ำที่หน้าพระเจริญพระพุทธมนต์ต่างๆ จุดเทียนทำน้ำมนต์ เวลาดับเทียนก็ขอให้ดับความทุกข์เร่าร้อนทั้งหลาย และแพร่เมตตาพรหมวิหาร อุทิศบุญกุศลให้กับระภูมิเจ้าที่ เทวดา สรรพชีวิตทั้งหลาย อนิษฐานขอน้ำพุทธบารมีไปประพรมให้ทั่วบริเวณบ้าน ขอบันดาลให้สิ่งที่ร้ายกลายเป็นดี
๑บางท่านอายุถึงเบญจเพศดวงไม่ดี เนื่องจากสาเหตุไดๆก็ตามไม่ว่า ราหูเข้า พระเสาร์แทรง เราอาจจะทำพอธีบูชารับส่งรวมกันทุกพระองค์พร้อมกันทีเดียวก็ได้ โดยหาเทียนใหญ่พอประมาณ ปิดทองคำแท้ อนิษฐานเป็นเทียนเสริมดวงเสริมสิริมงคล ดวงชะตาชีวิต ให้แต่งดอกไม้ธูปเทียนภาวนา สวดอิติปิโสนพเคราะห์ เต็มสูตร บูชาเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาดวง ขอให้กลับร้ายกลายเป็นดี ที่ดีแล้วก็ให้ดียิ่งขึ้นไป อาจสวดมนต์พระคาถาต่างจนหมดเล่ม หรือ นั่งสมาธิต่อด้วยก็ยิ่งดี
๑กิจการค้าขายไม่ประสบสำเร็จ ให้ พิจารณาแก้ไขตามเหตุอันสมควร หรือจะใช้วิธีช่วย คือ ธูปอนิษฐาน ให้เอาธูปที่ใช้ทั้งห่อมาทำพิธีสวดอิติปิโสนพเคราะห์และพระคาถาต่างๆ แล้วอนิษฐานขอให้เป็นธูปสารพัดดี เวลาใช้ให้จุดปักกลางแจ้งโดยใช้จำนวนตามกำลังวัน และสวดคาถาบูชาประจำวัน ตามด้วยพระคาถาอื่นๆขอในสิ่งที่ดีงาม ธูปนี้สามารถใช้บูชาพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เป็นอย่างดี (ดูหัวข้อ ทานส่งผลให้มีทรัพย์ ประกอบ)
๑บางท่านมีคนทักว่ามีองค์ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์รักษา ไปรับขันธ์รับพานมาปรากฏว่าไม่ดีขึ้น แย่ลงกว่าเดิม หรือถูกหลอกลวง ให้เสียเงินเสียทองอันนี้ให้พิจารณาให้ดี มีอีกวิธีหนึ่งให้จัดธูป 5 ดอก เทียน 5 เล่ม ดอกบัว 5 ดอก (ดอกอะไรก็ได้ที่หาได้) ตั้งขันธ์บูชาถึง พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาตน องค์ครูบาอาจารย์ทั้ง 108 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์เป็นมิ่งเคารพ ให้ตั้งขันธ์ 5 นี้ในวันดี เช่น วันพฤหัสบดี โดยตั้งชุมนุมเทวดา สมาทานศีล สวดมนต์บูชา และแพร่เมตตา
๑การกินมังสวิรัติ การงดเว้นเนื้อสัตว์นอกจากให้ใจเบากายเบา ย่อมช่วยปริมาณการฆ่าสัตว์ได้ ร่างกายสะอาด เทวดาย่อมรักษา ให้พิจารณาเป็นเพียงธาตุ แพร่เมตตา เพื่อไม่ให้เป็นเวรเป็นกรรมต่อกัน
๑ก่อนนอนสวดมนต์ไหว้พระ ก่อนนอนอย่างสวดมนต์ภาวนา แพร่เมตตา จะยังผลให้จิตใจสบายให้นอนหลับสนิท
๑ผู้ที่นอนผันร้าย แก้ ด้วยพระคาถา ดังนี้ ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญ จะโยขามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตังพุทธานุภาเวนะ วินาสะเมนตุฯฯ
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ให้เลือกใช้ตามโอกาส ย้อมสะเดาะเคราะห์ เสริมบารมี มงคลชีวิตได้ ทุกสิ่งในโลกเป็นอนิจจังทั้งหมด อย่ามองแต่ภายนอกให้มองภายในใจของเราบ้าง พระท่านว่าการให้ธรรมทานชนะการให้ทานทั้งปวง มีอานิสงค์สูงสุด การสร้างหนังสือธรรมทุก1ตัวอักษรเปรียบเสมือนการสร้างพระ 1องค์ ย่อมมีเทวดามารักษา กำจัดโรคเวรโรคกรรม บรรเทาหนี้กรรมได้ทำให้เจริญรุ่งเรื่อง อนิษฐานในทางชอบธรรม จะสำเร็จสมปราถณา
บทความจาก http://www.dandham.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)